Divergence คืออะไร
สัญญาณ divergence คือ สภาวะที่การเคลื่อนที่ของราคามีการขัดแย้งกับการเคลื่อนที่ของค่าของ indicator ตัวอย่างเช่น ราคามีการเคลื่อนที่ลงอย่างต่อเนื่อง มีการทำ Lower Low แต่ indicator กลับขัดแย้งโดยมีแนวโน้วยกตัวขึ้นสร้าง Higher Low แทน หรือ เมื่อราคาเคลื่อนที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้าง Higher High อย่างต่อเนื่อง แต่ Indicator กลับขัดแย้งมีแนวโน้มลดตัวลง Lower High แทน ลักษณะการขัดแย้งเหล่านี้ เรียกว่า เกิดสัญญาณ divergence นั่นเองครับ
วิธีการดู divergence เราสามารถใช้ indicator ได้หลายหลายเพื่อดูการเกิด divergence ไม่ว่าจะเป็น MACD, RSI, CCI, Stochastic, Awesome Oscillator(AO) ครับเลือกใช้ตัวที่เราเข้าใจและถนัดจะดีที่สุดครับ
เกิด Divergence แล้ว..มันหมายถึงอะไร ?
สัญญาณ divergence เป็นการแสดงถึงโมเมนตัมของราคามีการอ่อนแรงลง เมื่อโมเมนตัมลดลง สิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมาก็คือการเปลี่ยนแนวโน้มของราคานั่นเอง
จากภาพด้านบนเป็นตัวอย่างของ divergence ที่เรียกว่า Bearish Divergence – โดยราคาขึ้นไปทำ Higher High แต่ Indicator (RSI) กลับได้ค่าเป็น Lower High
ภาพข้างต้นเป็นตัวอย่าง Divergence ที่เรียกว่า Bullish Divergence – โดยขณะที่ราคาลงมาอย่างต่อเนื่องสร้าง Lower Low แต่ Indicator ซึ่งในที่นี่คือ Stochastic ขัดแย้ง โดยสร้าง Higher Low แทน
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเมื่อเกิด divergence แล้วราคาต้องกลับตัวแน่นอนนะครับ เหมือนในภาพที่ผมให้ดูข้างต้นนะครับ ผมยอมรับว่าเลือกภาพที่ดูสวย ดูชัดเจนมาให้ดูกันเท่านั้นครับ ในความเป็นจริง ไม่ได้เป็นอย่างในภาพทุกครั้งไป การที่โมเมนตัมลดลง อาจจะเป็นเพียงการพักตัวออกข้างของราคาชั่วคราว แล้ววิ่งต่อตามแนวโน้มเดิม (คล้ายการผ่อนคันเร่งรถเพื่อชะลอชั่วคราว แล้วเร่งเครื่องวิ่งต่อน่ะครับ ) ดูตัวอย่างได้ตามภาพด้านล่างนี้ครับ
ดังนั้น เราไม่ควรใช้ Divergence เพียงโดดๆมาให้สัญญาณซื้อขาย เราควรใช้ divergence ในลักษณะที่เป็นตัวช่วยชี้สภาวะที่เราต้องการในการเทรด ใช้เป็นส่วนประกอบหนึ่งใน trading strategy ร่วมกับเครื่องมือการเทรดอื่นเพื่อหาความสอดคล้องกัน และเพิ่มความได้เปรียบในการเทรดให้มากขึ้น เช่น ใช้ร่วมกับแนวรับ/ต้านใน Timeframe ที่ใหญ่กว่า , ใช้ร่วมกับเทรนไลน์ เพื่อหาจังหวะเข้าช่วง Pullback เป็นต้น
จากภาพข้างต้นเป็นการใช้ระดับแนวรับใน Timeframe ใหญ่ ร่วมกับการใช้ RSI divergence เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการเข้าซื้อขายมากขึ้น
จากภาพเป็นการใช้ trendline และ แนวรับ ใน timeframe ที่ใหญ่ ร่วมกับการเกิด Stochastic divergence ในลักษณะที่สอดคล้องกันทั้งหมด เพิ่มความได้เปรียบในการเข้าซื้อขายมากขึ้น
สำหรับจังหวะการเข้าซื้อขาย สามารถใช้ได้หลากหลายแบบตามที่เราถนัด เช่น Swing High/Low breakout , Trendline breakout, MA cross เป็นต้น
จากภาพข้างต้นเป็นตัวอย่างจังหวะเข้าออร์เดอร์ หลังเกิดการ breakout แนวต้านสีฟ้าอย่างชัดเจน รวมถึงการวาง SL/TP เพื่อให้ได้ Reward/Risk ratio ตามที่วางแผนไว้
เพื่อนๆต้องไม่ลืมสิ่งสำคัญที่ต้องมีทุกครั้งในการเทรด นั่นคือเรื่องการบริหารความเสี่ยง exit trade ตรงไหน การบริหารหน้าตักในการเทรดแต่ละไม้ เสี่ยงแต่ละไม้เท่าไร เป็นต้น
นอกจากการใช้ divergence เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเข้าซื้อขายแล้ว เราอาจใช้สัญญาณ divergence เป็นส่วนหนึ่งในแผนการจัดการออร์เดอร์ที่เราถืออยู่ได้เช่นกัน เช่น หากเกิด divergence เราอาจจะพิจารณาปิดออร์เดอร์บางส่วนก่อน เป็นต้น
หวังว่าเพื่อนๆที่กำลังสนใจวิธีการเทรดด้วย Divergence จะเห็นภาพการประยุกต์ใช้ Divergence เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบเทรดได้ชัดเจนยิ่งขึ้นนะครับ
หากเพื่อนๆได้ประโยชน์ ได้ไอเดียจากโพสนี้ อย่าลืมช่วยสละเวลาสัก 5 วินาที กดไลค์ กดแชร์ ให้เพื่อนๆ RookieTraders ท่านอื่นๆด้วยนะครับ เพราะการแชร์ = การแคร์ นะครับ ( Sharing is Caring ) เจอกันใหม่โพสหน้าครับ HappyTrading ครับ